หยุดท่องศัพท์วิธีเดิมๆ มาเริ่มวิธีใหม่ที่ไฉไลที่สุด!
.
และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายกันแล้ววว
กับวิธีการเรียนรู้ศัพท์ฉบับเทพ
สไตล์ Mind English!
.
.
จากบทความตอนที่ 1 และ 2 ในซีรี่ย์ “วิธีเรียนรู้ศัพท์ฉบับเทพ!” เราแนะนำให้หยุดท่องศัพท์แบบเดิมๆ โดยวิธี Translating & Memorizing
หมดเวลาแล้ว! สำหรับการจดคำศัพท์ลงสมุดแล้วใส่คำแปลแล้วก็ท่องๆๆๆ
( อ่านย้อนหลังได้เลย
ตอนที่ 1: www.mindenglishofficial.com/article/greatvocab1
ตอนที่ 2: www.mindenglishofficial.com/article/greatvocab2 )
.
จากบทความตอนที่ 1 และ 2 ในซีรี่ย์ “วิธีเรียนรู้ศัพท์ฉบับเทพ!”
เราแนะนำให้หยุดท่องศัพท์แบบเดิมๆ
โดยวิธี Translating & Memorizing หมดเวลาแล้ว!
สำหรับการจดคำศัพท์ลงสมุดแล้วใส่คำแปลแล้วก็ท่องๆๆๆ
.
และเราได้นำเสนอวิธีท่องศัพท์แบบใหม่ตามแบบฉบับของ Mind English
ที่เน้นการเรียนรู้ศัพท์แบบ Visualizing & Feeling
ทีเน้นการจำศัพท์เป็นภาพ เป็นความเข้าใจ เป็นความรู้สึก ไม่เน้นการแปลศัพท์แล้วจำเป็นภาษาไทย
.
รวมถึงตอนที่แล้ว เราแนะนำ App ฟรีสุดเทพ!
ที่ทำให้เราเรียนรู้วิธีการออกเสียงคำนั้นๆได้อย่างถูกต้องอย่างกับฝรั่ง ให้สำเนียงเลิศเป๊ะอย่างกับฝรั่ง!
.
และบทความที่แล้ว เราทิ้งคำถามว่า ถ้าจำศัพท์เป็นภาพแล้ว ถ้าจะจดลงสมุดล่ะ จะจดอย่างไร???
หายใจลึกๆๆแล้วมาดูกัน…
.
.
.
จากวิธีเดิมๆที่เราใช้จดศัพท์กันมาในการเรียนภาษาอังกฤษ 20 กว่าปี ที่เราท่องศัพท์และจดศัพท์เป็นคำๆ รู้ทีละคำ เรียนทีละคำ
.
ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่เวิคโดยสิ้นเชิง!!!
.
และสิ่งที่เราจะนำเสนอวันนี้คือ หยุดจดศัพท์เป็นคำๆ (Individual Word)
และหันมาเรียนรู้ศัพท์เป็นวลีหรือเป็นประโยคแทน (Phrase or sentence)
.
เวลาเราเจอคำศัพทใหม่ๆที่เราไม่รู้จัก เวลาเราอ่านหนังสือหรือดูหนังที่เป็นซับอังกฤษ
เช่น เจอประโยคว่า What is your occupation? ซึ่งแปลว่า คุณทำอาชีพอะไร
.
สมมติว่าเราไม่รู้จักคำว่า Occupation ว่าแปลว่าอะไร
หลังจากเราเรียนรู้ศัพท์โดยวิธี Feeling&Visualizing ตามที่บอกในตอนที่แล้ว
.
เรากลัวลืมคำนี้ อยากจดลงสมุด ห้ามจดแค่คำว่า Occupation เด็ดขาด!
ให้จดไปเลยทั้งประโยคที่เราเจอ คือ What is your occupation?
และอย่าลืมฝึกฟังและพูดโดยใช้ app ที่เราแนะนำไป
.
การจดเป็น Phrase จะดีกว่าการจดเป็น Word
อย่างมหาศาลบานตะไท สรุปได้เป็น 4 ข้อด้วยกัน !
.
.
.
1. การจดเป็นประโยควิธีนี้มันเป็นการเรียนรู้โดยธรรมชาติ (Natural Approach)
เช่น เด็กฝรั่ง 3 ขวบยังไม่เข้าโรงเรียน รู้จักประโยค What’s your name?
ว่าถามถึงอะไรและต้องตอบว่าอะไร ก่อนรู้จักความหมายที่แท้จริง
ของคำว่า What, คำว่า Your และคำว่า Name ซะอีก!
.
.
2. การจดเป็นประโยค รวมถึงฝึกฟังให้คุ้นหูและฝึกพูดจนคุ้นลิ้น
ทำให้เวลาเราคุยกับฝรั่ง เราสามารถดึงรูปประโยคมาใช้ได้อย่างอัตโนมัติและทันทีทันใด
เพราะปกติคนไทยเรียนรู้ศัพท์เป็นคำๆ (แถมเรียนรู้ด้วยวิธีที่ผิดๆ) ทำให้นึกศัพท์ไม่ค่อยออก
คำไหนที่นึกศัพท์ออก แต่ต้องมานึกโครงสร้างประโยคที่ต้องใช้อีก กว่าจะพูดได้ซักที เลยตะกุกตะกักงึกๆงักๆ อยู่ร่ำไป!
.
.
3. การจดเป็นประโยค มันสอดคล้องกับ
วิธีการเรียนรู้ศัพท์ของเราแบบ Feeling & Visualizing
เพราะการจดเป็นประโยค มันคือ Big Picture
มันคือภาพของสถานการณ์นั้นๆจริง
.
เช่น จดว่า What is your occupation?
เราอาจจะนึกถึงภาพพนักงานคนหนึ่งที่กำลังยืนทำแบบสอบถามอยู่ข้างรถไฟฟ้า BTS
แล้วเค้าถามถึงอาชีพของเราว่า What is your occupation?
.
.
4. และข้อสุดท้าย โคตรของโคตรสำคัญเพราะเป็นวิธีที่ถือเป็นหัวใจของระบบ Mind English
เพราะการจดจำเป็นประโยคเนี่ย ทำให้เราซึมซับโครงสร้างไวยากรณ์ที่ถูกต้องไปโดยปริยาย
สมมติเราอยากจดคำว่า delicious เราก็จดว่า She eats a delicious sandwich.
(จริงๆคือเจอคำที่เราไม่รู้ที่ไหน ก็ลอกออกมาจดทั้งประโยค) เวลาเราจำก็จำไปทั้งประโยค ฝึกออกเสียงก็ออกเสียงทั้งประโยค
.
พอเจอบ่อยๆ (กับคำอื่นๆ) เราจะใช้ She คู่กับกริยาเติม S
โดยปริยายและอัตโนมัติโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราเติม S
ให้กริยาไปแล้ว และไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่านี่ Grammar เรื่อง Present simple tense
.
.
นั่นคือด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถพูดกับฝรั่งได้อย่างอัตโนมัติโดยที่ Grammar เป๊ะ
โดยที่เราอาจไม่เคยเรียน Grammar เรื่องนั้นๆก่อน
.
อย่างที่เรายกตัวอย่างไปในบทความก่อนหน้า ว่า
อย่างคนไทยก็ไม่สามารถพูดภาษาไทย แบบ Grammar ถูกต้อง
ก่อนเรียน Grammar ที่โรงเรียนซะอีก
.
เด็กอเมริกันแท้ๆก็ไม่เคยเรียน Grammar จนถึงชั้นมัธยม (high school)
แต่ก็ใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและก็ถูกไวยากรณ์เป็นส่วนใหญ่
.
การที่บอกว่าการเรียนรู้อันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของระบบ Mind English
เพราะระบบของเรา เรียนโดยใช้ Mind Based Learning คือการเรียนโดยใช้ Mind หรือจิตใต้สำนึก
.
ซึ่งการจดจำคำศัพท์โดยใช้ประโยคเป็นเพียงแค่ 1 ในหลายๆวิธีของเราที่เรียนรู้ด้วย Mind และ Grammar
ก็จะซึมซับเข้าไป ทำให้เราพูได้คล่อง! ทันที! อัตโนมัติ! และไวยากรณ์ถูกต้อง! ไปโดยธรรมชาติ
.
นักเรียนของเราจะพูดประโยค Present Perfect Tense ได้อย่างคล่องแคล่ว
ในสถานการณ์ที่ถูกต้อง ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือ Present Perfect Tense
.
นี่แหละค่ะ วิธีเรียนรู้ศัพท์อันแสนวิเศษตามระบบของ Mind English
Check Also
25 หนังดี เรื่องดัง ไว้ฝึกฟังภาษาอังกฤษ
***พิเศษสุดๆ!!! หนังดี 25 เรื่อง คัดพิเศษส่งตรงจากมายด์อิงลิช ถึงเพื่อนๆทุกคน ถ้าอยากเก่งอังกฤษกดเซฟ กดแชร์ไว้ดูกับเพื่อนกันได้เลย*** แบ่งระดับความยาก-ง่ายไว้ให้ด้วยน้าา . ฝึกพูดภาษาอังกฤษจากการดูหนัง ที่ใครก็ทำได้!!! . ดูหนังดี 25 …