ดูหนังอย่างไรให้พูดอังกฤษได้ Ep.2

ดูหนังอย่างไร ให้พูดภาษาอังกฤษได้ (ตอนที่ 2)
.
จริงรึเปล่าที่ดูหนังฝรั่งแล้วจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้น?
.
แต่ทำไมเราดูหนังฝรั่งมาทั้งชีวิต ภาษาอังกฤษยังไม่ไปถึงไหนเลย!
.
เราคงได้อ่านหนังสือที่แนะนำให้ดูหนัง และเคยได้ยินคนที่สามารถพูดอังกฤษได้บอกต่อๆกันมาว่า “ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ ลองฝึกจากหนังสิ ดูหนังฝรั่งบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งขึ้นเอง!”
.
แต่ดูเราซิ…ดูหนังจนตาเปียก ดูซีรี่ย์จนตาแฉะก็แล้ว สุดท้ายก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ดี แถมยังเพิ่มโรคต้อกระจกมาซะอีก โถชีวิต!
.
ทำไมล่ะ? ที่เป็นแบบนี้ เพราะเราดูหนังกันด้วยวิธีผิดๆไง (อยากรู้ว่าผิดตรงไหนแนะนำให้ไปอ่านตอนที่แล้วที่
http://www.mindenglishofficial.com/article/watchmovies1/)
.
.
วันนี้ สถาบันสอนภาษา Mind English จะมาแนะนำสุดยอดวิธีฝึกภาษาอังกฤษอันแสนทรงพลัง ถ้าใครทำตามนี้ได้ ภาษาอังกฤษของคุณจะดีขึ้นจนตัวคุณเองจะตกใจ!!
.
การดูหนังเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงเจ้าของภาษาที่สุดของเราจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
.
แบบที่ 1 คือ การดูหนังปกติเนี่ยแหละ ดูเพื่อความเพลิดเพลินเป็นหลัก แต่ขอฝึกภาษาอังกฤษเป็นน้ำจิ้มด้วย
.
ถ้าจะดูหนังแบบนี้ เวลาเราดูหนังฝรั่ง Soundtrack ซับไทย (อย่าดูพากษ์ไทยนะ) ให้เราลดความตั้งใจอ่านซับให้ลดลง เปิดหูเพื่อฟังให้มากขึ้น
.
ตาของเรา แทนที่จะโฟกัสไปที่บรรทัดด้านล่างที่ซับขึ้น ให้โฟกัสที่ปากของตัวละคร และพยายามฟังให้มากขึ้น อันไหนไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้เรื่องจริงค่อยเหลือบตาไปมองซับ
.
สุดท้ายดูหนังอาจจะไม่เข้าใจ ก็ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบ เพราะการฟังซ้ำ บ่อยๆ จะช่วยให้เราเข้าใจเนื้อเรื่อง และสามารถจับใจความสำคัญได้มากขึ้น!
.
สำหรับการฝึกแบบนี้ จริงๆแล้วอย่าไปเรียกว่าฝึกเลยดีกว่า 555+ เพราะจริงๆแค่ปรับเปลี่ยนวิธีดูหนังเท่านั้นเอง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราฟัง-พูดกับฝรั่งได้เก่งขึ้นแค่ประมาณ 10-20 % เท่านั้น
.
.
แบบที่ 2 คือ สุดยอดเทคนิคการดูหนัง!!! เป็นการดูหนังเพื่อการฝึกภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง ถ้าทำตามนี้ได้ คุณจะคุยกับฝรั่งได้ดีขึ้น 2 เท่าหรือ 200% เป็นอย่างต่ำ ฟันธง!!!
.
แล้วมันต้องเริ่มจากตรงไหนละ?
.
อันดับแรก เลือกหนังมาหนึ่งเรื่อง หรือซีรี่ย์มาหนึ่งตอน

(แนะนำเอาเรื่องที่ชอบมากๆ รวมถึงเอาหนังที่ใช้ภาษาอังกฤษในการดำเนินเรื่องเป็นหลัก เน้นฝั่งหนังพวกฮอลลีวูดของอเมริกา หรือหนังอังกฤษ

ก็ได้ตามความชอบ จะได้ฝึกฟังและพูดสำเนียงอเมริกัน หรืออังกฤษเป็นสำเนียงมาตรฐานของเราไปเลย แต่จะฝึกทั้ง 2 สำเนียงเลยก็ได้เหมือนกัน)

.
และทางที่ดีแนะนำว่าควรลงทุนในการฝึกอย่างจริงจัง เช่น
ซื้อแพ็คเกจกล่องดิจิตอล ดาวเทียมที่มีช่องดูหนังโดยเฉพาะ เช่น ช่อง HBO , Mono29ฯลฯ
.
ซื้อแพ็คเกจดูหนังแบบตามสั่ง (on-demand) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เช่น จาก Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆร้อนๆ หรือจะเป็น iflix, HOOQ, PrimeTime และ Hollywood HD 4 เจ้ายักษ์ใหญ่ในไทยก็ไม่ว่ากัน
.
.
หรือจะลงทุน DVD เลย ก็ได้ เก็บสะสมไว้ดูอีกได้เมื่อต้องการ แถม DVD สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นซับไทย ซับอังกฤษหรือ ไม่มีซับ ไปเลยก็ได้
.
แต่…
ไม่แนะนำให้ดูหนังก๊อป หนังซูม หนังฟรี ซีดีเถื่อน เว็บฟรีออนไลน์ ที่เอามาลงแบบไม่ชัด เพราะบางครั้งคำบรรยายซับอาจจะไม่ถูกต้อง 100 % ผิดๆถูกๆ ดูไปดูมา จากเก่ง กลายเป็นกากเลยก็มี 555+
.

การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนในเรื่องของเวลาการฝึกฝน และความตั้งใจในการฝึกพูดภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง

.
แนะนำแหล่งรวมหนังคุณภาพชั้นดีกันไปแล้วก็เยอะ
และแล้วก็มาถึงสุดยอดเทคนิคการดูหนังของเรา
.
นั่นก็คือ
“เทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง” จะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน
.
ขั้นที่ 1 : รอบที่ ดู1 แบบปกติเนี่ยแหละ ดู 1 รอบเป็น Soundtrack มี “ซับภาษาไทย”
ดูเพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่อง แต่ระหว่างดู นอกจากเปิดตาเพื่ออ่านซับแล้ว แนะนำให้เปิดหูให้มากขึ้น ลองพยายามฟังแล้วจับใจความว่าตัวละครพูดอะไร แต่อย่าไปซีเรียสมาก ฟังไม่รู้เรื่องก็ช่างมัน เน้นเข้าใจเนื้อเรื่อง
.
แต่เรื่องที่เราชอบจริงๆ เราอาจข้ามขั้นตอนนี้ไปก็ได้ ถ้าเรารู้เนื้อหามันทั้งหมดแล้ว
.
ขั้นที่ 2 : หลังจากที่เราเข้าใจเรื่องราวแล้ว ดูขั้นที่ 2 จะเป็นการดูหนังโดยดูแบบ “ซับอังกฤษ”
ครั้งนี้เราจะเน้นการฟัง ฟังแล้วก็ฟัง ดวงตาจับจ้องที่ปากของตัวละคร แล้วเปิดหูให้กว้างที่สุดใน 3 โลก อย่าไปจดจ้องที่ซับ เพราะขั้นที่ 2 นี้เราจะฝึก “ฟัง” ไม่ได้ฝึก “อ่าน”!
.
พยายามฟังให้รู้ว่ามันพูดว่าอะไร ถ้าฟังไม่ออกจริงๆ ค่อยเหลือบตาดูซับอังกฤษด้านล่าง
.
แต่ถ้าดูไม่ทันก็ไม่เป็นไร อย่าไปซีเรียส ชิลๆ เพลิดเพลินและสนุกไปกับมัน ถ้าจดจ่อเดินไปจะไม่สนุกเอานะ
.
พอดูจบก็ดูซ้ำ แบบซับอังกฤษเนี่ยแหละ เหมือนเดิมเลย ตาจับจ้องที่ปาก หูผึ่งตั้งใจฟัง ตรงไหนที่รอบที่แล้วฟังไม่ทัน ไม่รู้ว่าพูดอะไรก็ผึ่งหูมากขึ้นหน่อย ถ้าไม่ไหวจริงๆ อันไหนที่พูดเร็วมาก ก็เหลือบมาดูซับได้ไม่ว่ากัน
.
ถ้าถามว่าต้องดูซ้ำกี่รอบ?
.
555+ ตอบยาก ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน

แต่ แต่ แต่ …ไม่อยากบอกเลย ว่าบางทีอาจจะต้อง 5 -10 รอบขึ้นไป (อย่าเพิ่งท้อนะ) ดูรอบแรกอาจจะเข้าใจ 20% แต่เชื่อเลยว่ายิ่งดูมากขึ้น รอบถัดๆไปความเข้าใจของเราจะเพิ่มเป็น 30% 50% 70% 90% จนในที่สุดเราสามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
.
ซึ่งหัวใจของขั้นตอนนี้คือ “คุณต้องดูซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าคุณจะฟังรู้เรื่องทั้งหมด แบบ 100%”
.
คุณต้องฟังออกทั้งหมด แม้ไม่รู้ความหมายมันก็ตาม
บางทีเมื่อคุณฝึกมาถึงขั้นนี้แล้วลองสังเกตตัวเองดูซิว่า เห้ย! ทำไมเราสามารถพูดโครงสร้างประโยค หรือบทพูดได้เหมือนตัวละครเด๊ะๆเลย

เพราะนี่แหละคือประโยชน์ของการฝึกฟังและดูบ่อยๆ เมื่อเจอสถานการณ์คล้ายๆกัน สมองของเราก็จะสั่งให้พูดประโยคนั้นๆมาแบบไม่รู้ตัว
.
และสิ่งต้องห้ามก็คือ ห้ามเปิด Dictionary เด็ดขาด! นี่คือคำสั่ง 555 ห้ามแปล

(ถ้าใครติดตามเพจ Mind English มาซักพัก น่าจะจำได้ว่าการเรียนรู้ภาษาตามระบบ Mind English จะไม่แนะนำการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ควรให้เข้าใจไปเลยเป็นแบบอังกฤษ จะได้ไม่ต้องคิดไทยก่อน)
.
ศัพท์คำไหนที่คุณไม่รู้คำแปล ก็ไม่ต้องแปล !!!

.
มันใช่เหรอ?

.

แต่เชื่อไหมว่า ถ้าคุณฟังบ่อยมากพอจนฟังออกทั้งหมด ศัพท์ยากๆที่คุณไม่รู้คำแปล แต่คุณจะรู้ความหมายของมัน
.
อ้าว ทำไมล่ะ? เพราะจริงๆคุณเข้าใจเนื้อเรื่องแล้วไง จากบริบท สีหน้า การกระทำ อารมณ์ของตัวละคร ก็พอที่จะช่วยให้คุณเดาความหมายได้แบบอัตโนมัติว่าคำนี้ คำนั้น มันน่าจะหมายถึงอะไรประมาณไหน
.
แต่ถ้าคุณอยากเรียนรู้คำศัพท์ เพิ่มศัพท์เข้าคลังสมองจริงๆ คุณต้องใช้วิธีการเรียนรู้ศัพท์ตามระบบ Mind English ของเรา
.
(อ่านย้อนหลังได้ในบทความชุด “วิธีท่องศัพท์ฉบับเทพ!)
http://www.mindenglishofficial.com/article/greatvocab1/)
http://www.mindenglishofficial.com/article/greatvocab2/)
http://www.mindenglishofficial.com/article/greatvocab3/)

แล้วทั้งหมดนี้ คือขั้นตอนที่ 2 คุณต้องฟัง ฟัง แล้วก็ฟัง ดูหนังเรื่องเดิมๆ กี่รอบก็ตามจนคุณฟังมันรู้เรื่องทั้งหมด!
.
เพราะเหตุผลนี้เราถึงบอกให้คุณเลือกหนังที่คุณรักที่สุด เพราะถ้าคุณไม่รักมันจริงๆ คุณก็จะดูได้ไม่นาน ดูแป๊บๆ ก็เบื่อแล้ว
.
และมีกฏ 2 ข้อที่คุณต้องยึดมั่น ข้อแรกบอกไปแล้วคือ “ไม่ต้องแปล”
.
ข้อที่สอง คำเดียวสั้นๆ คือ “ชิล”…ฟังไม่ออกอย่าเพิ่งท้อแท้ อย่าเพิ่งโมโหหัวเสียไป อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป

การฝึกภาษาต้องใช้เวลา และการฝึกฝน
แม้รอบนี้จะฟังไม่ออก รอบหน้าตั้งใจฟังใหม่ ดูเอาสนุก เอามันส์กับหนังที่ตัวเองรัก
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาอีกระดับจนแทบจะจำตัวเองในอดีตไม่ได้เลยทีเดียว
.
และขั้นตอนที่ 3 ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับ สุดยอดเทคนิคการดูหนัง ตามแบบฉบับของ Mind English คืออะไรนั้น
ห้ามพลาด! ติดตามต่อได้ในบทความตอนหน้า

อย่าลืมติดตามกันน้าา

About minadmin

Check Also

12 คำส่วนใหญ่ที่คนไทยใช้สับสน

ชั้นกินหมู ใช่ I eat pig รึเปล่านะ? ตกลง Pig และ Pork มันต่างกันยังไงกันแน่? แล้ว Ship กับ Boat …

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *